มะเขือเทศ กินตอนไหนดี กินไม่ถูกเวลา ระวัง อาจทำให้หน้าบวมได้

มะเขือเทศ กินตอนไหนดี กินไม่ถูกเวลา ระวัง อาจทำให้หน้าบวมได้

สารบัญเนื้อหา

รู้หรือไม่ การกินมะเขือเทศให้ได้ประโยชน์สูงสุดต้องเป็นมะเขือเทศที่เป็นผลิตภัณฑ์มะเขือเทศเข้มข้น นั่นก็เพราะว่ามะเขือเทศเมื่อผ่านความร้อนและกระบวนการสกัดต่างๆ จะยิ่งทำให้ไลโคปีนถูกปล่อยออกมามากกว่ามะเขือเทศที่เป็นมะเขือเทศสดๆ และการกินมะเขือเทศสดๆ ยังเป็นวิธีการที่ได้ประโยชน์จากมะเขือเทศได้น้อยที่สุดอีกด้วย ประโยชน์สูงสุดที่จะได้จากมะเขือเทศ เรียงตามลำดับต่อไปนี้

ตารางสรุปปริมาณไลโคปีนในมะเขือเทศในรูปแบบต่างๆ

ประเภท
ปริมาณไลโคปีนต่อ 100 กรัม
ปริมาณไลโคปีนที่มากกว่ามะเขือเทศสด

ผลิตภัณฑ์มะเขือเทศเข้มข้น

16.5 มิลลิกรัม

15 เท่า

มะเขือเทศผง

12.7 มิลลิกรัม

12 เท่า

ซอสมะเขือเทศ

10.5 มิลลิกรัม

10 เท่า

น้ำมะเขือเทศ

7.7 มิลลิกรัม

7 เท่า

ซุปมะเขือเทศเข้มข้น

6.6 มิลลิกรัม

6 เท่า

มะเขือเทศปรุงสุก

4.8 มิลลิกรัม

4 เท่า

มะเขือเทศสด

1.1 มิลลิกรัม

1 เท่า

อย่างไรก็ตาม การบริโภคมะเขือเทศสดก็มีประโยชน์เช่นกัน เนื่องจากมะเขือเทศสดมีวิตามินและเกลือแร่อื่นๆ อยู่ด้วย เช่น วิตามินเอ วิตามินซี โพแทสเซียม และไฟเบอร์

มะเขือเทศ ควรกินตอนไหนดี ที่จะไม่ทำให้อ้วน

มะเขือเทศ กินตอนไหนดีที่สุด ?

โดยปกติทั่วไปแล้ว มะเขือเทศ กินตอนไหนดีนั้น มักจะได้รับคำแนะนำให้กิน หรือ ดื่มน้ำมะเขือเทศ หลังอาหาร เพราะว่า ไคโลปีนในน้ำมะเขือเทศจะได้ช่วยละลายไขมันได้ง่ายขึ้น แต่รู้หรือไม่ว่า กินมะเขือเทศตอนเย็นมีผลเสียเพราะว่าในมะเขือเทศ มีกรดออกซาลิกเป็นจำนวนมาก 

ซึ่งกรดออกซาลิกส่งผลเสียต่อการเผาผลาญโซเดียมและน้ำในร่างกาย อาจส่งผลให้เกิดอาการบวมตามมาได้ เวลาที่แนะนำจึงเป็นช่วงหลังอาหาร เช้า หรือเที่ยง แต่ที่แนะนำเป็นพิเศษหรือช่วงเช้าก่อนอาหาร เพราะว่ากรดอินทรีย์ในมะเขือเทศ จะช่วยควบคุมการทำงานของกระเพาะอาหารช่วยระบบย่อยอาหารและตับอ่อน แต่ให้ระวังเรื่องการกินมะเขือเทศก่อนแปรงฟัน เพราะมีกรดอาจทำลายสารเคลือบฟัน ได้

ข้อมูลทางโภชนาการในมะเขือเทศ 100 กรัม

มะเขือเทศมีน้ำอยู่ประมาณ 95% อีก 5% เป็นส่วนประกอบๆอื่นๆเช่น ไฟเบอร์และคคาร์โบไฮเดรตรต

  • แคลอรี่ 18
  • น้ำ 95%
  • โปรตตีน 0.9 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 3.9 กรัม
  • น้ำตาล 2.6 กรัม
  • ไฟบเอร์ 1.2 กรัม
  • ไขมัน 0.2 กรัม

นอกจากนี้ในมะเขือเทศ 1 ลูกยังเต็มไปด้วย วิตามินซี 28% โพแทสเซียม วิตามิน K1 โฟเลตหรือ วิตามินบี 9 อีกด้วย

กินมะเขือเทศยังไง ให้ผิวขาว และได้ประโยชน์สูงสุด

มะเขือเทศ ประโยชน์มากมายที่ไม่ควรมองข้าม

มะเขือเทศ ประโยชน์มากมายเป็นพืชตระกูลผักลูกกลมสีแดงสดใสมักนิยมนำมาประกอบอาหาร เครื่องเคียงตัดรสชาติ หรือกินสดๆ มีวิตามินสูง แถมยังมีสารสำคัญที่ ชื่อว่า ไลโคพีน (Lycopene) อยู่ด้วย ซึ่งเจ้าตัวนี้แหล่ะ เมื่อสกัดออกมาจะสามารถบรรเทาภาวะต่อมลูกหมากโตได้ 

โดยไลโคพีนจะเข้าไปยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์ต่อมลูกหมาก หยุดการทำงานเอนไซม์ 5 Alpha reductase และหยุดการสร้าง Androgen receptor และทำให้ค่า PSA ซึ่งเป็นค่าที่ชี้วัดความผิดปกติของต่อมลูกหมากลดลง นอกจากนั้นสารไลโคพีนยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ร่างกายไม่แก่เร็วอีกด้วย
มีการวิจัยพบว่า การรับประทานผลไม้สีแดงที่มีสารโครบีนอยู่มาก เช่น มะเขือเทศ ในปริมาณ 15 มิลลิกรัม ต่อวัน ติดต่อกันนาน 3 – 6 เดือน จะช่วยป้องกันการขยายตัวของต่อมลูกหมาก และควบคุมค่า PSA ให้ปกติ นอกจากนี้ยังพบว่าไลโคพีนยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก อีกทั้งยังช่วยลดขนาดและยับยั้งการลุกลามของเซลล์มะเร็งต่างๆ

1.ป้องกันความเสียหายจากบุหรี่

มะเขือเทศนั้นมีสารที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันร่างกายจากผลเสียต่างๆของควันบุหรี่ อย่างกรดคูมาริก ทำให้ผู้ที่แพ้ควันบุหรี่ หรือคนที่ไม่แพ้ป้องกันควันบุหรี่ได้ดีขึ้น

2.ป้องกันมะเร็ง

มีการศึกษาเชิงสังเกตเกี่ยวกับมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหาร ผลลัพธ์คือ มะเขือเทศทำให้ลดความเสี่ยงของมะเร็งเหล่านี้ได้

3.ป้องกันเบาหวาน

มะเขือเทศมีส่วนช่วยลดการอักเสบในหลอดเลือด และลดความเสียหายของเนื้อเยื่อในร่างกาย ที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวานได้

4.ดีต่อหัวใจ

มีการทดลองทางคลินิกเกี่ยวกับไลโคปีนในมะเขือเทศ พบว่าไลโคปีนช่วยลดไขมันเลว (LDL) ได้ และยังมีการศึกษาที่แสดงให้เห้นว่าสามารถช่วยปกป้องหลอดเลือดชั้นในได้ และอาจช่วยลดความเสี่ยงการแข็งตัวของเลือดอีกด้วย

5.บำรุงผิว

ไลโคปีนในมะเขือเทศอาจช่วยป้องกันการถูกแดดเผาได้ในระดับนึง แต่ไม่สามารถใช้แทนครีมกันแดดได้

6.บำรุงกระดูก

ไลโคปีนในมะเขือเทศอาจมีส่วนช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ เนื่องจากมะเขือเทศเต็มไปด้วยแคลเซียมและวิตามินเค ที่อาจมีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูก

7.ดีต่อระบบย่อยอาหาร

เนื่องจากในมะเขือเทศนั้นเต็มไปด้วยเส้นใยไฟเบอร์ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมระบบย่อยอาหาร ป้องกันการท้องผูก การกินมะเขือเทศหลังอาหารเลยอาจจะมีส่วนช่วยให้ย่อยได้ง่ายขึ้น

8.ลดน้ำหนัก

เนื่องจากมะเขือเทศมีสารที่เรียกว่า คาร์นิทีน ซึ่งช่วยในการเผาผลาญไขมันในร่างกาย และยังมีไฟเบอร์ดีต่อระบบย่อยอาหาร เลยยิ่งทำให้ลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้น และผิวยังสุขภาพดีอีกด้วย

มะเขือเทศ อันตรายไหม ถ้ากินทุกวัน

เมื่อรู้ว่ามะเขือเทศ กินตอนไหนดีแล้ว แต่ตใช่ว่าจะกินเท่าไหร่ก็ได้โดยทั่วไปแล้วมะเขือเทศดีต่อสุขภาพก็จริง แต่เคยได้ยินคำนี้ไหม อะไรที่มากไปไม่เคยดี มะเขือเทศก็เป็น 1 ในนั้นด้วย โดยเฉพาะในอาหารเสริมเกี่ยวกับมะเขือเทศที่หาได้ทั่วโลก ถ้าจะเลือกกินอาหารเสริมที่มีส่วนผสมจากมะเขือเทศช่วยปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือ ทำตามคำแนะนำของอาหารเสริมนั้นๆ เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับไลโคปีนจากมะเขือเทศมากเกินไป หากกินมะเขือเทศมากเกินไป คุณอาจจะเจอปัญหาเหล่านี้ตามมา

1.ภูมิแพ้

มะเขือเทศมีสารที่เรียกว่า ฮีสตามีน ซึ่งการได้รับสารประกอบนี้มากเกินไปอาจนำไปสู่ผื่นหรือภูมิแพ้ได้ และถ้าแพ้มะเขือเทศอยู่แล้ว อาจนำไปสู่ภาวะที่รุนตามมาเช่น การบวมของ ลิ้น ปาก และใบหน้า ได้

2.ท้องเสีย

อาหารนี้เกิดขึ้นได้ยากกับคนที่ไม่มีอาการแพ้มะเขือเทศ แต่ถ้าเกิดกินมะเขือเทศแล้วเกิดท้องเสีย นั่นอาจแสดงว่าคุณมีอาการแพ้มะเขือเทศได้ เพราะในมะเขือเทศมีเชื้อแบคทีเรียซัลโมเนลล่า ที่ส่งผลให้ท้องร่วงได้นั่นเอง

3.ไลโคเพนโอเมีย

อาการนี้เกิดจากการกินมะเขือเทศ หรืออาหารเสริมไลโคปีนมากเกินไป ทำให้สีผิวเปลี่ยน แต่ไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีขาวแต่อย่างใด แต่กลับเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แต่อาการจะดีขึ้นเมื่อหยุดกินมะเขือเทศหรืออาหารที่มีไลโคปีน

4.ปวดข้อต่อ

การกินมะเขือเทศมากเกินไปอาจนนำไปสู่การเพิ่มของโซลานีน ซึ่งเมื่อโวลานีนเยอะเกินไป จะทำให้เกิดการอักเสบได้

5.กรดไหลย้อน

มะเขือเทศมีกรดที่อาจทำให้กระเพาะอาหารมีความเป็นกรดมากเกินไป อาจนำไปสู่กรดไหลย้อนได้

6.นิ่วในไต

มะเขือเทศอุดมไปด้วยแคลเซียมและออกซาเลต เมื่อเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป จะทำให้ระบบเผาผลาญกำจัดออกจากร่างกายไม่ทัน และสะสมทำให้เกิดนิ่วในไตได้

ไลโคปีนตัวช่วยอย่างดีในมะเขือเทศ

ไลโคปีน ( Lycopene ) คือ สารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมมาชาติ ในตระกูลแคโรทีนอยด์ เป็นตัวสร้างเม็ดสีอย่าง สีแดงและสีชมพูในผลไม้ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มักพบในมะเขือเทศ ส้มโอ และแตงโม เป็นต้น นอกจากมีคุณสมบัติหลักในการสร้างเม็ดสีแล้ว ไลโคปีนยังเป็น 1 ในสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติที่เรียกได้ว่าทรงพลังที่สุดเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญ แม้จะถูกความร้อน ก็ยังคงประสิทธิภาพอยู่เหมือนเดิม อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับไลโคปีน

มะเขือเทศป้องกันผู้ชายจากโรคที่ต้องเป็นเมื่ออายุมากขึ้น

การรู้ว่ามะเขือเทศ กินตอนไหนดีนั้นนอกจากต่อคนทั่วไปแล้วยังดีต่อผู้ชายที่อายุเยอะอีกด้วย เพราะสามารถป้องกันต่อมลูกหมากโต ที่อาจะพัฒนาต่อไปเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากโต หรือ โรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะอื่นๆตามมา ต่อมลูกหมากโต คือภาวะที่อวัยวะหนึ่งในระบบสืบพันธุ์ชื่อ “ต่อมลูกหมาก” เกิดการขยายตัวใหญ่ขึ้นจนไปเบียดบัง “ท่อปัสสาวะ” ส่งผลให้ท่อปัสสาวะตีบและมีขนาดเล็กลง จนทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการปัสสาวะติดขัด ปัสสาวะไม่ออก ไม่พุ่ง รู้สึกว่าต้องใช้แรงเบ่ง แถมเบ่งยาก หากอาการหนักมากอาจมีอาการปัสสาวะเล็ดและปัสสาวะเป็นเลือดด้วย
โดยโรคนี้เกิดขึ้นแต่กับผู้ชายเท่านั้น โรค ต่อมลูกหมาก โต เป็นโรคสามัญประจำเพศชาย เพราะการสำรวจพบว่า ผู้ชายวัย 40 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงสูง 30% และมีความเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆถึง 80% จนถึงอายุ 60และ70 ปี อัตราเสี่ยงอาจเพิ่มมากขึ้นหากมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องร่วมด้วย แต่มะเขือเทศสามารถช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันต่อมลูกหมากโตได้และมีการศึกษาจากผู้ชายกว่า 47,365 คนแล้วว่าไลโคปีนในมะเขือเทศนั้นช่วยรักษาต่อมลูกหมากโตได้จริงๆอีกด้วย

คอมเมนต์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *