ปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไร 9 สาเหตุที่เจอบ่อยๆ ทั้งชายและหญิง

ปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไร 9 สาเหตุที่เจอบ่อยๆ ทั้งชายและหญิง

สารบัญเนื้อหา

ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (Urinary incontinence) หรือภาวะ ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะได้ ทำให้เกิดปัสสาวะเล็ดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ปัญหาปัสสาวะเล็ดนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่มักจะพบบ่อยๆในผู้สูงอายุ ผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือ หลังคลอด มีปัญหากับหลอดเลือดในสมอง มีปัญหากับน้ำตาลในเลือด หรือแม้กระทั่งต่อมลูกหมากโต ก็มักจะเจอปัญหานี้

ปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไร 9 สาเหตุที่เจอบ่อยๆ ทั้งชายและหญิง H2

ปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไร

ในบทความปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไรนี้ ทีมงานสเปิร์กได้รวบรวม 9 สาเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยๆในคนที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ ปัญหาทางการปัสสาวะอื่นๆที่อาจมีส่วนทำให้เกิดความไม่สบายในการใช้ชีวิตประจำวัน หลายๆสาเหตุมักจะเกิดกับผู้หญิงได้ง่ายๆ เพราะท่อปัสสาวะผู้หญิงสั้น ทำให้เกิดปัญหาและการติดเชื้อได้ง่ายๆ แต่บางปัญหาก็เกิดได้แค่ผู้ชายเท่านั้น อย่างเช่นต่อมลูกหมากโต ที่มักจะเป็นในผู้ชายที่อายุ 40+ ขึ้นไป

1.กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแอน

ปกติแล้วกล้ามเนื้อกระเพราะปัสสาวะมีหน้าที่หดตัวเพื่อบีบให้ปัสสาวะออกมา เมื่อเวลาที่เราปวดปัสสาวะ เมื่อกล้ามเนื้อกระเพราะปัสสาวะอ่อนแรง ทำให้ไม่สามารถหดตัวได้เต็มที่ ทำให้เวลาปัสสาวะ จะปัสสาวะไม่สุดเพราะกล้ามเนื้อกระเพราะปัสสาวะอ่อนแรงและไม่สามารถขับปัสสาวะออกมาให้หมดได้ จนเกิดการเล็ดออกมาในที่สุดนั่นเอง

อาการปัสสาวะเล็ดมักจะเกิดขณะออกแรงอย่าง ไอ จาม หัวเราะ หรือ ยกของหนักๆ รวมถึงการออกกำลังกายก็อาจทำให้ปัสสาวะเล็ดออกมาได้อีกด้วย

2.อายุ

ปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากอายุ มักเกิดจากความเสื่อมของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อต่างๆ ในอุ้งเชิงกราน ซึ่งรวมถึงกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะด้วย เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านี้เสื่อมลง จะทำให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวได้ไม่แรงพอที่จะกักเก็บปัสสาวะได้เต็มที่ ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

นอกจากนี้ ฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงตามวัย จะทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะอ่อนแรงลงได้เช่นกัน

ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากอายุ ได้แก่

  • น้ำหนักตัวเกินหรืออ้วน
  • เคยมีประวัติคลอดทางช่องคลอด
  • เคยมีการผ่าตัดอุ้งเชิงกราน
  • มีอาการท้องผูกเรื้อรัง
  • สูบบุหรี่
  • ดื่มแอลกอฮอล์

อาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากอายุ มักพบในผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ปัสสาวะเล็ดขณะไอ จาม หัวเราะ หรือยกของหนัก
  • ปัสสาวะเล็ดขณะออกกำลังกาย
  • ปัสสาวะเล็ดตอนกลางคืน
  • รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย

หากมีอาการปัสสาวะเล็ด ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งการรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากอายุ มีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ เช่น

  • ฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
  • ใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น แผ่นรองปัสสาวะ
  • รับประทานยา
  • ผ่าตัด

การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากอายุ สามารถช่วยให้อาการดีขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

3.น้ำหนักเกิน

ปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากน้ำหนักเกิน มักเกิดจากแรงกดทับของไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง ลงสู่อุ้งเชิงกราน ซึ่งจะส่งผลให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรงลงและไม่สามารถทำหน้าที่ควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ดีพอ ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

นอกจากนี้ น้ำหนักตัวที่มากเกินไป ยังอาจทำให้ความดันในช่องท้องสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวบ่อยขึ้นและบีบตัวแรงขึ้น ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาได้ง่ายเช่นกัน

อาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากน้ำหนักเกิน มักพบในผู้หญิงที่น้ำหนักตัวเกินหรืออ้วน โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ปัสสาวะเล็ดขณะไอ จาม หัวเราะ หรือยกของหนัก
  • ปัสสาวะเล็ดขณะออกกำลังกาย
  • ปัสสาวะเล็ดตอนกลางคืน
  • รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย

หากมีอาการปัสสาวะเล็ด ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งการรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากน้ำหนักเกิน มีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ เช่น

  • ลดน้ำหนัก
  • ฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
  • ใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น แผ่นรองปัสสาวะ
  • รับประทานยา
  • ผ่าตัด

การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากน้ำหนักเกิน สามารถช่วยให้อาการดีขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

วิธีลดน้ำหนักเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัสสาวะเล็ด มีดังนี้

  • รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี เพื่อช่วยในการขับถ่ายให้เป็นปกติ
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยป้องกันปัสสาวะเล็ดได้ โดยการฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ซึ่งสามารถทำได้ด้วยวิธีดังนี้

  • ขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน โดยพยายามขมิบให้รูทวารหนักและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหดเข้าหากัน
  • ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที แล้วคลายออก
  • ทำซ้ำประมาณ 10-15 ครั้ง จำนวน 3 เซ็ต
  • ฝึกฝนเป็นประจำทุกวัน

การฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน จะช่วยให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรงขึ้น และสามารถทำหน้าที่ควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ดียิ่งขึ้น

4.ตั้งครรภ์

ปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากตั้งครรภ์ มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรงลงและไม่สามารถทำหน้าที่ควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ดีพอ ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

การเปลี่ยนแปลงของร่างกายในช่วงตั้งครรภ์ที่อาจส่งผลให้เกิดปัสสาวะเล็ด ได้แก่

  • มดลูกขยายตัวขึ้นจนไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้กระเพาะปัสสาวะมีขนาดเล็กลงและมีพื้นที่กักเก็บปัสสาวะได้น้อยลง
  • ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
  • น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความดันในช่องท้องสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวบ่อยขึ้นและบีบตัวแรงขึ้น

อาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากตั้งครรภ์ มักพบในผู้หญิงตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ปัสสาวะเล็ดขณะไอ จาม หัวเราะ หรือยกของหนัก
  • ปัสสาวะเล็ดขณะออกกำลังกาย
  • ปัสสาวะเล็ดตอนกลางคืน
  • รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย

ปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไรที่เป็นการตั้งครรภ์ มักหายได้เองหลังคลอด อย่างไรก็ตาม หากอาการรุนแรงหรือรบกวนชีวิตประจำวัน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

วิธีดูแลตนเองเพื่อลดอาการปัสสาวะเล็ดขณะตั้งครรภ์ มีดังนี้

  • เข้าห้องน้ำบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนและหลังมีกิจกรรมที่อาจทำให้ปัสสาวะเล็ด เช่น ไอ จาม หัวเราะ หรือยกของหนัก
  • หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมากเกินไป โดยเฉพาะก่อนเข้านอน
  • ฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
  • รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์

หากอาการปัสสาวะเล็ดรุนแรงหรือรบกวนชีวิตประจำวัน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

5.ติดเชื้อ

ปัสสาวะเล็ด ที่เกิดจากการติดเชื้อ มักเกิดจากการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือเชื้อไวรัส การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ มักทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ท่อปัสสาวะอักเสบ หรือไตอักเสบ ส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะบวมอักเสบและไม่สามารถทำหน้าที่ควบคุมปัสสาวะได้ดีพอ ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงมีท่อปัสสาวะสั้นกว่าผู้ชาย ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่ายขึ้น

อาการปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไรเป็นการติดเชื้อ มักพบร่วมกับอาการอื่นๆ ของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ เช่น

  • ปัสสาวะแสบขัด
  • ปัสสาวะบ่อย
  • ปัสสาวะกะปริบกะปรอย
  • ปัสสาวะมีกลิ่นหรือมีสีผิดปกติ
  • ปวดท้องน้อยหรือปวดหลังส่วนล่าง

หากมีอาการปัสสาวะเล็ดร่วมกับอาการอื่นๆ ของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากการติดเชื้อ มักเป็นการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ ซึ่งมักหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม หากอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรง ควรไปพบแพทย์อีกครั้ง

นอกจากการรับประทานยาปฏิชีวนะแล้ว ยังสามารถช่วยบรรเทาอาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากการติดเชื้อได้ โดยวิธีต่อไปนี้

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
  • เข้าห้องน้ำบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนและหลังมีกิจกรรมที่อาจทำให้ปัสสาวะเล็ด เช่น ไอ จาม หัวเราะ หรือยกของหนัก
  • ฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน

หากอาการปัสสาวะเล็ดรุนแรงหรือรบกวนชีวิตประจำวัน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

6.ภาวะทางระบบประสาท

ปัสสาวะเล็ด ที่เกิดจากภาวะทางระบบประสาท มักเกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ ซึ่งอาจเกิดจากโรคหรือภาวะต่างๆ ต่อไปนี้

  • โรคหลอดเลือดสมอง
  • โรคไขสันหลังอักเสบ
  • โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
  • โรคพาร์กินสัน
  • โรคเบาหวาน
  • โรคหลอดเลือดสมอง
  • อุบัติเหตุที่ศีรษะหรือไขสันหลัง
  • การผ่าตัดบริเวณอุ้งเชิงกราน

ความผิดปกติของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ มักส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวบ่อยขึ้นหรือบีบตัวแรงขึ้น ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

อาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากภาวะทางระบบประสาท มักพบร่วมกับอาการอื่นๆ ของความผิดปกติของระบบประสาท เช่น

  • อ่อนแรงหรือชาที่แขนและขา
  • มีปัญหาในการพูดหรือกลืน
  • มีปัญหาในการมองเห็น
  • มีปัญหาในการทรงตัวหรือเดิน

หากมีอาการปัสสาวะเล็ดร่วมกับอาการอื่นๆ ของความผิดปกติของระบบประสาท ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากภาวะทางระบบประสาท ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ เช่น

  • การฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
  • การใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น แผ่นรองปัสสาวะ
  • รับประทานยา
  • ผ่าตัด

การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากภาวะทางระบบประสาท อาจช่วยให้อาการดีขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

7.เบาหวาน

ปัสสาวะเล็ด ที่เกิดจากเบาหวาน มักเกิดจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งส่งผลให้ไตไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ปัสสาวะมีน้ำตาลอยู่เป็นจำนวนมาก น้ำตาลในปัสสาวะจะดึงน้ำออกจากร่างกาย ทำให้ปัสสาวะมีปริมาณมากขึ้นและขับออกมาบ่อยขึ้น นอกจากนี้ น้ำตาลในปัสสาวะยังอาจทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบและทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแรงลง ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

นอกจากนี้ เบาหวานยังอาจทำให้เส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะเสียหาย ส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวบ่อยขึ้นหรือบีบตัวแรงขึ้น ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน

ปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไร ที่เป็นเบาหวาน มักพบร่วมกับอาการอื่นๆ ของโรคเบาหวาน เช่น

  • ปัสสาวะบ่อย
  • ปัสสาวะกะปริบกะปรอย
  • รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย
  • อ่อนเพลีย
  • น้ำหนักลด
  • กระหายน้ำมาก
  • มองเห็นไม่ชัด

หากมีอาการปัสสาวะเล็ดร่วมกับอาการอื่นๆ ของโรคเบาหวาน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากเบาหวาน ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ เช่น

  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • รักษาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะหากมี
  • ฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
  • การใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น แผ่นรองปัสสาวะ
  • รับประทานยา
  • ผ่าตัด

การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากเบาหวาน อาจช่วยให้อาการดีขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

วิธีควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ มีดังนี้

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรต
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์

หากควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

8.มะเร็งต่อมลูกหมากหรือกระเพาะปัสสาวะ

ปัสสาวะเล็ด ที่เกิดจากมะเร็งต่อมลูกหมากหรือกระเพาะปัสสาวะ มักเกิดจากเนื้องอกในต่อมลูกหมากหรือกระเพาะปัสสาวะ ไปกดทับท่อปัสสาวะ ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในผู้ชาย มักพบในผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป อาการของมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะแรกมักไม่ชัดเจน มักพบร่วมกับอาการปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะกะปริบกะปรอย ปวดปัสสาวะ หรือมีเลือดปนในปัสสาวะ

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยในผู้ชายและผู้หญิง มักพบในผู้ชายที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป อาการของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะในระยะแรกมักไม่ชัดเจน มักพบร่วมกับอาการปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะมีเลือดปน ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะกะปริบกะปรอย หรือปวดปัสสาวะ

การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากมะเร็งต่อมลูกหมากหรือกระเพาะปัสสาวะ ขึ้นอยู่กับระยะของโรคและความรุนแรงของอาการ เช่น

  • การผ่าตัดเพื่อเอาเนื้องอกออก
  • การให้ยาเคมีบำบัด
  • การให้รังสีรักษา

การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากมะเร็งต่อมลูกหมากหรือกระเพาะปัสสาวะ อาจช่วยให้อาการดีขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว ยังสามารถช่วยบรรเทาอาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากมะเร็งต่อมลูกหมากหรือกระเพาะปัสสาวะได้ โดยวิธีต่อไปนี้

  • ฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
  • การใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น แผ่นรองปัสสาวะ
  • รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์

หากมีอาการปัสสาวะเล็ด ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

9.ต่อมลูกหมากโต

ปัสสาวะเล็ด ที่เกิดจากต่อมลูกหมากโต มักเกิดจากต่อมลูกหมากโตไปกดทับท่อปัสสาวะ ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ต่อมลูกหมากโตเป็นภาวะที่ต่อมลูกหมากโตขึ้นผิดปกติ มักพบในผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป อาการของต่อมลูกหมากโตในระยะแรกมักไม่ชัดเจน มักพบร่วมกับอาการปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะกะปริบกะปรอย ปวดปัสสาวะ หรือมีเลือดปนในปัสสาวะ

การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากต่อมลูกหมากโต ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ เช่น

  • รับประทานยาขยายท่อปัสสาวะ
  • ผ่าตัดเพื่อลดขนาดต่อมลูกหมาก

การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากต่อมลูกหมากโต อาจช่วยให้อาการดีขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว ยังสามารถช่วยบรรเทาอาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากต่อมลูกหมากโตได้ โดยวิธีต่อไปนี้

  • ฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
  • การใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น แผ่นรองปัสสาวะ
  • รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์

หากมีอาการปัสสาวะเล็ด ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

อาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากต่อมลูกหมากโต

อาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากต่อมลูกหมากโต มักพบร่วมกับอาการอื่นๆ ของต่อมลูกหมากโต เช่น

  • ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะกะปริบกะปรอย
  • ปวดปัสสาวะหรือรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย
  • ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะไหลช้า
  • ปัสสาวะมีเลือดปน
  • ปัสสาวะสะดุด ปัสสาวะติดขัด

หากมีอาการเหล่านี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

สรุป

จากบทความปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไรเราจะเห็นได้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่ผู้หญิงจะเป็นง่ายกว่าผู้ชาย เพราะผู้หญิงมีท่อปัสสาวะค่อนข้างที่จะสั้นกว่าผู้ชาย พอไม่รักษาความสะอาดก็เลยทำให้ติดเชื้อได้ง่ายๆ และยังมีปัญหาที่ผู้หยญิงเท่านั้นที่เป็นได้เช่นการตั้งครรภ์ และ ปัญหาบางอย่างที่ผู้ชายอายุ 40 ปีขึ้นไปเท่านั้นที่จะเป็นได้ อย่างต่อมลูกหมากโต (แต่ก็เคยมีเคสต่อมลูกหมากโต ในเด็กอายุ 17 ปี แต่หาได้ยากมากๆ)

คอมเมนต์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *