ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (Urinary incontinence) หรือภาวะ ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะได้ ทำให้เกิดปัสสาวะเล็ดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ปัญหาปัสสาวะเล็ดนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่มักจะพบบ่อยๆในผู้สูงอายุ ผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือ หลังคลอด มีปัญหากับหลอดเลือดในสมอง มีปัญหากับน้ำตาลในเลือด หรือแม้กระทั่งต่อมลูกหมากโต ก็มักจะเจอปัญหานี้
ปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไร
ในบทความปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไรนี้ ทีมงานสเปิร์กได้รวบรวม 9 สาเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยๆในคนที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ ปัญหาทางการปัสสาวะอื่นๆที่อาจมีส่วนทำให้เกิดความไม่สบายในการใช้ชีวิตประจำวัน หลายๆสาเหตุมักจะเกิดกับผู้หญิงได้ง่ายๆ เพราะท่อปัสสาวะผู้หญิงสั้น ทำให้เกิดปัญหาและการติดเชื้อได้ง่ายๆ แต่บางปัญหาก็เกิดได้แค่ผู้ชายเท่านั้น อย่างเช่นต่อมลูกหมากโต ที่มักจะเป็นในผู้ชายที่อายุ 40+ ขึ้นไป
1.กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแอน
ปกติแล้วกล้ามเนื้อกระเพราะปัสสาวะมีหน้าที่หดตัวเพื่อบีบให้ปัสสาวะออกมา เมื่อเวลาที่เราปวดปัสสาวะ เมื่อกล้ามเนื้อกระเพราะปัสสาวะอ่อนแรง ทำให้ไม่สามารถหดตัวได้เต็มที่ ทำให้เวลาปัสสาวะ จะปัสสาวะไม่สุดเพราะกล้ามเนื้อกระเพราะปัสสาวะอ่อนแรงและไม่สามารถขับปัสสาวะออกมาให้หมดได้ จนเกิดการเล็ดออกมาในที่สุดนั่นเอง
อาการปัสสาวะเล็ดมักจะเกิดขณะออกแรงอย่าง ไอ จาม หัวเราะ หรือ ยกของหนักๆ รวมถึงการออกกำลังกายก็อาจทำให้ปัสสาวะเล็ดออกมาได้อีกด้วย
2.อายุ
ปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากอายุ มักเกิดจากความเสื่อมของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อต่างๆ ในอุ้งเชิงกราน ซึ่งรวมถึงกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะด้วย เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านี้เสื่อมลง จะทำให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวได้ไม่แรงพอที่จะกักเก็บปัสสาวะได้เต็มที่ ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
นอกจากนี้ ฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ เมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงตามวัย จะทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะอ่อนแรงลงได้เช่นกัน
ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากอายุ ได้แก่
- น้ำหนักตัวเกินหรืออ้วน
- เคยมีประวัติคลอดทางช่องคลอด
- เคยมีการผ่าตัดอุ้งเชิงกราน
- มีอาการท้องผูกเรื้อรัง
- สูบบุหรี่
- ดื่มแอลกอฮอล์
อาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากอายุ มักพบในผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่
- ปัสสาวะเล็ดขณะไอ จาม หัวเราะ หรือยกของหนัก
- ปัสสาวะเล็ดขณะออกกำลังกาย
- ปัสสาวะเล็ดตอนกลางคืน
- รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย
หากมีอาการปัสสาวะเล็ด ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งการรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากอายุ มีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ เช่น
- ฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- ใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น แผ่นรองปัสสาวะ
- รับประทานยา
- ผ่าตัด
การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากอายุ สามารถช่วยให้อาการดีขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
3.น้ำหนักเกิน
ปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากน้ำหนักเกิน มักเกิดจากแรงกดทับของไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง ลงสู่อุ้งเชิงกราน ซึ่งจะส่งผลให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรงลงและไม่สามารถทำหน้าที่ควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ดีพอ ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
นอกจากนี้ น้ำหนักตัวที่มากเกินไป ยังอาจทำให้ความดันในช่องท้องสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวบ่อยขึ้นและบีบตัวแรงขึ้น ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาได้ง่ายเช่นกัน
อาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากน้ำหนักเกิน มักพบในผู้หญิงที่น้ำหนักตัวเกินหรืออ้วน โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่
- ปัสสาวะเล็ดขณะไอ จาม หัวเราะ หรือยกของหนัก
- ปัสสาวะเล็ดขณะออกกำลังกาย
- ปัสสาวะเล็ดตอนกลางคืน
- รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย
หากมีอาการปัสสาวะเล็ด ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งการรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากน้ำหนักเกิน มีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ เช่น
- ลดน้ำหนัก
- ฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- ใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น แผ่นรองปัสสาวะ
- รับประทานยา
- ผ่าตัด
การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากน้ำหนักเกิน สามารถช่วยให้อาการดีขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
วิธีลดน้ำหนักเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัสสาวะเล็ด มีดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี เพื่อช่วยในการขับถ่ายให้เป็นปกติ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยป้องกันปัสสาวะเล็ดได้ โดยการฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ซึ่งสามารถทำได้ด้วยวิธีดังนี้
- ขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน โดยพยายามขมิบให้รูทวารหนักและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหดเข้าหากัน
- ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที แล้วคลายออก
- ทำซ้ำประมาณ 10-15 ครั้ง จำนวน 3 เซ็ต
- ฝึกฝนเป็นประจำทุกวัน
การฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน จะช่วยให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรงขึ้น และสามารถทำหน้าที่ควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ดียิ่งขึ้น
4.ตั้งครรภ์
ปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากตั้งครรภ์ มักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรงลงและไม่สามารถทำหน้าที่ควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้ดีพอ ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
การเปลี่ยนแปลงของร่างกายในช่วงตั้งครรภ์ที่อาจส่งผลให้เกิดปัสสาวะเล็ด ได้แก่
- มดลูกขยายตัวขึ้นจนไปกดทับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้กระเพาะปัสสาวะมีขนาดเล็กลงและมีพื้นที่กักเก็บปัสสาวะได้น้อยลง
- ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความดันในช่องท้องสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวบ่อยขึ้นและบีบตัวแรงขึ้น
อาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากตั้งครรภ์ มักพบในผู้หญิงตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3 โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่
- ปัสสาวะเล็ดขณะไอ จาม หัวเราะ หรือยกของหนัก
- ปัสสาวะเล็ดขณะออกกำลังกาย
- ปัสสาวะเล็ดตอนกลางคืน
- รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย
ปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไรที่เป็นการตั้งครรภ์ มักหายได้เองหลังคลอด อย่างไรก็ตาม หากอาการรุนแรงหรือรบกวนชีวิตประจำวัน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
วิธีดูแลตนเองเพื่อลดอาการปัสสาวะเล็ดขณะตั้งครรภ์ มีดังนี้
- เข้าห้องน้ำบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนและหลังมีกิจกรรมที่อาจทำให้ปัสสาวะเล็ด เช่น ไอ จาม หัวเราะ หรือยกของหนัก
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำมากเกินไป โดยเฉพาะก่อนเข้านอน
- ฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์
หากอาการปัสสาวะเล็ดรุนแรงหรือรบกวนชีวิตประจำวัน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
5.ติดเชื้อ
ปัสสาวะเล็ด ที่เกิดจากการติดเชื้อ มักเกิดจากการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือเชื้อไวรัส การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ มักทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ท่อปัสสาวะอักเสบ หรือไตอักเสบ ส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะบวมอักเสบและไม่สามารถทำหน้าที่ควบคุมปัสสาวะได้ดีพอ ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงมีท่อปัสสาวะสั้นกว่าผู้ชาย ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่ายขึ้น
อาการปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไรเป็นการติดเชื้อ มักพบร่วมกับอาการอื่นๆ ของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ เช่น
- ปัสสาวะแสบขัด
- ปัสสาวะบ่อย
- ปัสสาวะกะปริบกะปรอย
- ปัสสาวะมีกลิ่นหรือมีสีผิดปกติ
- ปวดท้องน้อยหรือปวดหลังส่วนล่าง
หากมีอาการปัสสาวะเล็ดร่วมกับอาการอื่นๆ ของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม
การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากการติดเชื้อ มักเป็นการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ ซึ่งมักหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม หากอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรง ควรไปพบแพทย์อีกครั้ง
นอกจากการรับประทานยาปฏิชีวนะแล้ว ยังสามารถช่วยบรรเทาอาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากการติดเชื้อได้ โดยวิธีต่อไปนี้
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
- เข้าห้องน้ำบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนและหลังมีกิจกรรมที่อาจทำให้ปัสสาวะเล็ด เช่น ไอ จาม หัวเราะ หรือยกของหนัก
- ฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
หากอาการปัสสาวะเล็ดรุนแรงหรือรบกวนชีวิตประจำวัน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
6.ภาวะทางระบบประสาท
ปัสสาวะเล็ด ที่เกิดจากภาวะทางระบบประสาท มักเกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ ซึ่งอาจเกิดจากโรคหรือภาวะต่างๆ ต่อไปนี้
- โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคไขสันหลังอักเสบ
- โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
- โรคพาร์กินสัน
- โรคเบาหวาน
- โรคหลอดเลือดสมอง
- อุบัติเหตุที่ศีรษะหรือไขสันหลัง
- การผ่าตัดบริเวณอุ้งเชิงกราน
ความผิดปกติของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ มักส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวบ่อยขึ้นหรือบีบตัวแรงขึ้น ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
อาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากภาวะทางระบบประสาท มักพบร่วมกับอาการอื่นๆ ของความผิดปกติของระบบประสาท เช่น
- อ่อนแรงหรือชาที่แขนและขา
- มีปัญหาในการพูดหรือกลืน
- มีปัญหาในการมองเห็น
- มีปัญหาในการทรงตัวหรือเดิน
หากมีอาการปัสสาวะเล็ดร่วมกับอาการอื่นๆ ของความผิดปกติของระบบประสาท ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม
การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากภาวะทางระบบประสาท ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ เช่น
- การฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- การใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น แผ่นรองปัสสาวะ
- รับประทานยา
- ผ่าตัด
การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากภาวะทางระบบประสาท อาจช่วยให้อาการดีขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
7.เบาหวาน
ปัสสาวะเล็ด ที่เกิดจากเบาหวาน มักเกิดจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งส่งผลให้ไตไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ปัสสาวะมีน้ำตาลอยู่เป็นจำนวนมาก น้ำตาลในปัสสาวะจะดึงน้ำออกจากร่างกาย ทำให้ปัสสาวะมีปริมาณมากขึ้นและขับออกมาบ่อยขึ้น นอกจากนี้ น้ำตาลในปัสสาวะยังอาจทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบและทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแรงลง ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
นอกจากนี้ เบาหวานยังอาจทำให้เส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะเสียหาย ส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวบ่อยขึ้นหรือบีบตัวแรงขึ้น ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน
ปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไร ที่เป็นเบาหวาน มักพบร่วมกับอาการอื่นๆ ของโรคเบาหวาน เช่น
- ปัสสาวะบ่อย
- ปัสสาวะกะปริบกะปรอย
- รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย
- อ่อนเพลีย
- น้ำหนักลด
- กระหายน้ำมาก
- มองเห็นไม่ชัด
หากมีอาการปัสสาวะเล็ดร่วมกับอาการอื่นๆ ของโรคเบาหวาน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม
การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากเบาหวาน ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ เช่น
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- รักษาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะหากมี
- ฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- การใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น แผ่นรองปัสสาวะ
- รับประทานยา
- ผ่าตัด
การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากเบาหวาน อาจช่วยให้อาการดีขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
วิธีควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ มีดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรต
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์
หากควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
8.มะเร็งต่อมลูกหมากหรือกระเพาะปัสสาวะ
ปัสสาวะเล็ด ที่เกิดจากมะเร็งต่อมลูกหมากหรือกระเพาะปัสสาวะ มักเกิดจากเนื้องอกในต่อมลูกหมากหรือกระเพาะปัสสาวะ ไปกดทับท่อปัสสาวะ ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในผู้ชาย มักพบในผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป อาการของมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะแรกมักไม่ชัดเจน มักพบร่วมกับอาการปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะกะปริบกะปรอย ปวดปัสสาวะ หรือมีเลือดปนในปัสสาวะ
มะเร็งกระเพาะปัสสาวะเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยในผู้ชายและผู้หญิง มักพบในผู้ชายที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป อาการของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะในระยะแรกมักไม่ชัดเจน มักพบร่วมกับอาการปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะมีเลือดปน ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะกะปริบกะปรอย หรือปวดปัสสาวะ
การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากมะเร็งต่อมลูกหมากหรือกระเพาะปัสสาวะ ขึ้นอยู่กับระยะของโรคและความรุนแรงของอาการ เช่น
- การผ่าตัดเพื่อเอาเนื้องอกออก
- การให้ยาเคมีบำบัด
- การให้รังสีรักษา
การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากมะเร็งต่อมลูกหมากหรือกระเพาะปัสสาวะ อาจช่วยให้อาการดีขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว ยังสามารถช่วยบรรเทาอาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากมะเร็งต่อมลูกหมากหรือกระเพาะปัสสาวะได้ โดยวิธีต่อไปนี้
- ฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- การใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น แผ่นรองปัสสาวะ
- รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์
หากมีอาการปัสสาวะเล็ด ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
9.ต่อมลูกหมากโต
ปัสสาวะเล็ด ที่เกิดจากต่อมลูกหมากโต มักเกิดจากต่อมลูกหมากโตไปกดทับท่อปัสสาวะ ส่งผลให้ปัสสาวะไหลออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ต่อมลูกหมากโตเป็นภาวะที่ต่อมลูกหมากโตขึ้นผิดปกติ มักพบในผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป อาการของต่อมลูกหมากโตในระยะแรกมักไม่ชัดเจน มักพบร่วมกับอาการปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะกะปริบกะปรอย ปวดปัสสาวะ หรือมีเลือดปนในปัสสาวะ
การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากต่อมลูกหมากโต ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ เช่น
- รับประทานยาขยายท่อปัสสาวะ
- ผ่าตัดเพื่อลดขนาดต่อมลูกหมาก
การรักษาปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากต่อมลูกหมากโต อาจช่วยให้อาการดีขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว ยังสามารถช่วยบรรเทาอาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากต่อมลูกหมากโตได้ โดยวิธีต่อไปนี้
- ฝึกฝนกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
- การใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น แผ่นรองปัสสาวะ
- รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์
หากมีอาการปัสสาวะเล็ด ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
อาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากต่อมลูกหมากโต
อาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากต่อมลูกหมากโต มักพบร่วมกับอาการอื่นๆ ของต่อมลูกหมากโต เช่น
- ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะกะปริบกะปรอย
- ปวดปัสสาวะหรือรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย
- ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะไหลช้า
- ปัสสาวะมีเลือดปน
- ปัสสาวะสะดุด ปัสสาวะติดขัด
หากมีอาการเหล่านี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม
สรุป
จากบทความปัสสาวะเล็ด เกิดจากอะไรเราจะเห็นได้ว่าสาเหตุส่วนใหญ่ผู้หญิงจะเป็นง่ายกว่าผู้ชาย เพราะผู้หญิงมีท่อปัสสาวะค่อนข้างที่จะสั้นกว่าผู้ชาย พอไม่รักษาความสะอาดก็เลยทำให้ติดเชื้อได้ง่ายๆ และยังมีปัญหาที่ผู้หยญิงเท่านั้นที่เป็นได้เช่นการตั้งครรภ์ และ ปัญหาบางอย่างที่ผู้ชายอายุ 40 ปีขึ้นไปเท่านั้นที่จะเป็นได้ อย่างต่อมลูกหมากโต (แต่ก็เคยมีเคสต่อมลูกหมากโต ในเด็กอายุ 17 ปี แต่หาได้ยากมากๆ)
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
- Urinary incontinence – NHS (www.nhs.uk)
- Urinary incontinence – Symptoms and causes – Mayo Clinic
- Incontinence: Leakage, Causes, Diagnosis, Treatment & Prevention (clevelandclinic.org)
- Urinary incontinence – Causes – NHS (www.nhs.uk)
- Incontinence: Symptoms & Treatment – Urology Care Foundation (urologyhealth.org)
- Urinary Incontinence in Older Adults | National Institute on Aging (nih.gov)