9 สาเหตุอัณฑะบวมแข็ง เกิดจากอะไรได้บ้าง อันตรายแค่ไหน?

9 สาเหตุอัณฑะบวมแข็ง เกิดจากอะไรได้บ้าง อันตรายแค่ไหน

สารบัญเนื้อหา

ลูกอัณฑะ คืออะไร ต่างจากต่อมลูกหมากยังไง

ลูกอัณฑะ (testis) เป็นอวัยวะก้อนรูปไข่ทรงกลม 2 อันอยู่ในถุงอัณฑะ ห้อยอยู่ภายนอก ใกล้กับอวัยวะเพศชาย ทำหน้าที่ผลิตอสุจิและผลิตฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเทอโรน ทำหน้าที่พัฒนาร่างกายและสร้างความเปลี่ยนแปลงเด็กผู้ชายในวัย 12-16 ปี ให้ไปสู่วัยเจริญพันธ์ุ เช่น มีเครา เสียงแตก ไหล่กว้าง จนไปถึงการมีความต้องการทางเพศ โดยภายในอัณฑะจะมีเส้นเลือดและหลอดเล็กๆ เพื่อทำหน้าที่สร้างอสุจิ เรียกว่า หลอดสร้างอสุจิ
ลูกอัณฑะกับต่อมลูกหมาก นั้นไม่ใช่อวัยวะเดียวกันแบบที่หลายๆคนเข้าใจผิด เพราะในความเป็นจริงแล้วนั้น ทั้งสองอวัยวะอยู่คนละตำแหน่งกัน อีกทั้งยังทำหน้าที่คนละอย่างกันอีกด้วย

9 สาเหตุอัณฑะบวมแข็ง เกิดจากอะไรได้บ้าง

9 สาเหตุอัณฑะบวมแข็ง เกิดจากอะไรได้บ้าง

อาการอัณฑะบวมแข็งนั้น อาจเกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้เป็นอันตรายแต่อย่างใด เพราะอาจจะเกิดจากการสะสมของ ของเหลวในถุงอัณฑะเฉยๆ หรือเป็นเส้นเลือดบวมในลูกอัณฑะ แต่บางครั้ง อาจจะบ่งบอกว่ากำลังจะเกิดโรคร้ายแรงอย่าง มะเร็งอัณฑะได้ ถ้าอาการหนัก และ รู้สึกว่าเจ็บปวดนานเกินไปแล้ว ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยโดยเร็วจะดีที่สุด

1.บาดเจ็บ

การบาดเจ็บจากการโดนเตะ โดนกระแทกแรงๆ โดนแทง หรือมีแผล บริเวณอัณฑะ จนทำให้เกิดการอักเสบร้ายแรงตามมา ถ้ามีอาการให้รีบพบแพทย์ทันที

อาการ

    • อัณฑะแดง
    • อัณฑะบวม
    • ปัสสาวะลำบาก
    • ปัสสาวะเป็นเลือด
    • โดนทิ่มหรือแทง ที่อัณฑะ
    • เป็นไข้ หลังได้รับบาดเจ็บบริเวณอัณฑะ

2.ถุงน้ำในอัณฑะ (Hydrocele)

ถุงน้ำในอัณฑะส่วนใหญ่อาการนี้จะพบได้บ่อยในเด็กทารก ไม่ได้เป็นอันตราย และจะหายไปเองในที่สุด

อาการ

    • อัณฑะบวม ข้างใดข้างนึง
    • มีอาการเจ็บร่วมกับการบวม

3.หลอดเลือดอัณฑะขอด (Varicocele)

หลอดเลือดอัณฑะขอด เกิดจากลิ้นตัวปิดเปิดหลอดเลือดดำในถุงอัณฑะบกพร่อง ทำให้เลือดใหลย้อนกลับ แทนการใหลไปถุงอัณฑะ หลอดเลือดอัณฑะขอดเป็นภาวะที่ไม่ได้ร้ายแรงมาก แต่เมื่อเป็นภาวะนี้จะทำให้มีบุตรยากขึ้น สามารถบรรเทาอาการปวดได้ด้วยการประคบเย็น หรือ เข้ารับการผ่าตัดเพื่อให้ดีขึ้น หรือ มีบุตรง่ายขึ้น

อาการ

    • อัณฑะบวม ข้างใดข้างนึง
    • ปวด

4.หลอดน้ำอสุจิโป่ง (Spermatocele)

หลอดน้ำอสุจิโป่ง มักจะเกิดขึ้นบริเวณ หลัง หรือ เหนือ ลูกอัณฑะ เป็นก้อนๆ บางครั้งแพทย์อาจเรียว่า ซีสต์น้ำกาม ข่าวดีคือการเป็นหลอดน้ำอสุจิโป่ง ไม่จำเป็นต้องรักษาใดๆเลย แต่ถ้าไม่สบายใจที่มีอาการ สามารถเข้ารับการผ่าตัดเพื่อเอาก้อนเนื้อออกได้

อาการ

    • อัณฑะบวม
    • ปวดอัณฑะ
    • อัณฑะคล้ำๆ
    • หนักถุงอัณฑะ

5.ไส้เลื่อนขาหนีบ

การเป็นไส้เลื่อนขาหนีบเกิดจากกล้ามเนื้อที่อ่อนแอตามอายุ ทำให้ลำไส้ทะลุโผล่เข้าไปในขาหนีบได้ ถ้าไส้เลื่อนอยู่ต้นขา อาจไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ถ้าไส้เลื่อนลงถุงอัณฑะเมื่อไหร่ อาจทำให้เริ่มเจ็บ และบวมได้ และที่สำคัญไส้เลื่อนขาหนีบไม่สามารถหายเองได้ จำเป็นต้อเข้ารับการผ่าตัด เพื่อรักษา

อาการ

    • มีก้อนนูนบริเวณขาหนีบ หรือ ถุงอัณฑะ
    • หนักขาหนีบ
    • ไม่ผายลม
    • ไม่อุจจาระ

6.ถุงเก็บอสุจิอักเสบ (Epididymitis )

ถุงเก็บอสุจิอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือ ไวรัส จากการมีเพศสัมพันธ์ทำให้ท่อด้านหลังของอัณฑะถ้ามีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์ทันที

อาการ

    • บวม
    • ปวด
    • เจ็บ
    • ร้อนหรืออุ่นกว่าปกติ
    • อสุจิมีเลือดปน

7.อัณฑะบิดตัว (Testicular Torsion)

อัณฑะบิดตัว เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ เพราะเกิดการบิดของลูกอัณฑะภายใน ทำให้ อสุจิและเลือด ไปเลี้ยงลูกอัณฑะไม่ได้ ถ้าเกิดมีอาการให้รีบพบแพทย์ทันที

อาการหลังจากได้รับบาดเจ็บบริเวณอัณฑะ

    • ปวดอัณฑะรุนแรงเฉียบพลัน ข้างใดข้างนึง
    • อัณฑะบวม ข้างในข้างนึง
    • เป็นถุงหรือก้อนเนื้อ ที่มองเห็นได้บนลูกอัณฑะ

8.มะเร็งอัณฑะ (Testicular cancer)

มะเร็งอัณฑะ อาจเกิดขึ้นเมื่อเซลล์มะเร็งได้เติบโตในลูกอัณฑะ มักจะเกิดข้างใดข้างนึง และไม่ค่อยเกิดพร้อมกันทั้งสองข้าง มะเร็งอัณฑะสามารถพบได้มากในช่วงอายุ 20-35 ปี ถ้าตรวจเจอทันก็สามารถรักษาได้

อาการ

    • ตุ่มบนอัณฑะ
    • ก้อนเนื้อในลูกอัณฑะ
    • ปวดอัณฑะ
    • ไม่สบายถุงอัณฑะ

9.วัณโรคปอด (Pulmonary TB)

ปกติแล้ววัณโรคจะส่งผลกระทบต่อปอดถึง 70% แต่ในบางกรณี วัณโรคสามารถแพร่กระจายไปยั่งส่วนอื่นๆของร่างกายได้อีกด้วย รวมไปถึงลูกอัณฑะ ถ้าเจอว่าตัวเองเข้าข่าย ให้รีบพบแพทย์ทันที

อาการ

    • บวมแต่ไม่ปวด
    • ก้อนเนื้อแข็งบนลูกอัณฑะ

อัณฑะบวมแข็ง รักษายังไง

วิธีรักษาอัณฑะบวมแข็งจะขึ้นอยู่กับว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ถ้าบวมจากการที่บาดเจ็บไม่ร้ายแรง หรือถุงน้ำในอัณฑะสามารักษาได้ด้วยการดูแลตัวเอง แต่ถ้าอาการหนักกว่านั้นจำเป็นต้องรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัย และรับการรักษาที่ถูกต้องจะดีที่สุด

  • ประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง โดยใช้ผ้าห่อ
  • กินยาแก้ปวด
  • เลี่ยงการออกกำลังกายซักพัก
  • ใช้ผ้าขนหนู เพื่อยกถุงอัณฑะ
  • สวมกระจับ หรืออุปกรณ์ทางการกีฬาที่ช่วยยกถุงอัณฑะ
9 สาเหตุอัณฑะบวมแข็ง เกิดจากอะไรได้บ้าง อันตรายแค่ไหน
Play Video about 9 สาเหตุอัณฑะบวมแข็ง เกิดจากอะไรได้บ้าง อันตรายแค่ไหน

คอมเมนต์

22 Responses

    1. เบื้องต้น แนะนำให้ทำตาม 5 ข้อนี้ และ รีบพบแพทย์หรือเภสัช เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกวิธีนะครับ
      1.ประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง โดยใช้ผ้าห่อ
      2.กินยาแก้ปวด
      3.เลี่ยงการออกกำลังกายซักพัก
      4.ใช้ผ้าขนหนู เพื่อยกถุงอัณฑะ
      5.สวมกระจับ หรืออุปกรณ์ทางการกีฬาที่ช่วยยกถุงอัณฑะ

      1
  1. ผมเป็นโรคไต แล้วอัณฑะบวมแต่ไม่รู้สึกเจ็บ ตัวผมกับขาก็บวมเสี่ยงเป้นอันตรายไหมครับ

    1. อาการบวมอาจจะมาจากโรคไตที่เป็นอยู่ครับ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้องจะดีที่สุดครับ

      1
  2. พี่ชายเขาบอกว่าเขานอนตื่นขึ้นมาก็มีอาการปวดและบวมเป็นมาประมาณ5-6เดือนแล้วปวดเป็นบางครั้งแต่บวมขึ้นและแข็งบวมไม่เท่ากัน ขอคำแนะนำหน่อยค่ะเขสนไม่ยอมไปโรงพยาบาล

    1. อาจเป็นอัณฑะอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัส ครับ
      แนะนำให้
      -ประคบเย็นบริเวณอัณฑะด้วยผ้าห่อน้ำแข็งประมาณ 15-20 นาทีต่อครั้ง เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดและบวม
      -รับประทานยาแก้ปวด เช่น ไอบูโพรเฟน หรือพาราเซตามอล
      -งดการมีเพศสัมพันธ์
      -หลีกเลี่ยงการยกของหนัก
      แต่ที่กล่าวมาเป็นเพียงการคาดเดาเบื้องต้น ยังไงก็แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อรับคำวินิจฉัยที่ถูกต้อง เพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธีนะครับ
      เพราะถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้อาจจะอาการหนักกว่าเดิม และเสี่ยงที่จะมีอาการเหล่านี้ อัณฑะฝ่อ , ท่อนำอสุจิอักเสบ , ภาวะมีบุตรยาก

    1. อัณฑะ ปวด บวม เเละมีก้อนเเข็งๆใต้ ลูกอัณฑะ
      เป็นได้ทั้ง ไส้เลื่อน ถุงน้ำในอัณฑะ อัณฑะอักเสบ ร้ายแรงสุดอาจจะเป็นเนื้องอก หรือมะเร็งอัณฑะก็ได้ครับ แนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและวินิจฉัยที่ถูกต้องจะดีที่สุดครับ

  3. เจอก้อนแข็งที่อัณฑะเวลาหลังสำเร็จความใคร่ตลอดๆเลยครับ เจอมาสักพักใหญ่ 5-6 เดือน เคยไปหาหมอมาแล้ว แต่หมอบอกเป็นเส้นเลือดขอดที่อัณฑะ (ส่วนมากจะคลำเจอก้อนได้เฉพาะหลังสำเร็จความใคร่สักพัก แต่ในวันปกติ จะคลำไม่เจอก้อนครับ) ผิดปกติอะไรมั้ยครับ หรือน่าจะเป็นแค่เส้นเลือดขอดอย่างหมอว่าครับ

    0
    1. คาดว่าจะเป็นเส้นเลือดขอดที่อัณฑะตามที่หมอบอกมาครับ ไม่ได้มีอันตรายใดๆ และเส้นเลือดขอดที่อัณฑะจะใหญ่กว่าปกติ เวลาออกกำลังกาย และจะหายไปเอง
      ส่วนสาเเหตที่เจอเป็นก้อนแข็ง คาดว่าจะมาจาก
      -การมีความดันในหลอดเลือดดำของอัณฑะสูง
      -โครงสร้างของหลอดเลือดดำที่อัณฑะผิดปกติ
      -พันธุกรรม
      สาเหตุจริงๆยังไม่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร แต่สบายใจได้ว่าปลอดภัยครับ

      3
  4. อัณฑะข้างซ้ายมีก้อนแข็ง จับแล้วปวด ถ้าตอนปกติจะมีอาการหน่วงๆ อสุจิมีสีเหลืองปน อาการแบบนี้มีความเสี่ยงเป็นอะไรได้บ้างครับ

    1. เบื้องต้นการที่อสุจิมีสีเหลืองปนอาจจะเกิดได้จากหลายสาเหตุดังนี้ครับ
      1.ท่อปัสสาวะ หรือ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
      2.นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
      3.ต่อมลูกหมากอักเสบจากการติดเชื้อ
      แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องจะดีที่สุดครับ ก่อนอาการจะหนักกว่านี้

  5. เป็นก้อนแข็งในเส้นข้างหลังลูกอัณฑะครับ
    คลำดูแล้วก้อนไม่ได้ติดกับอัณฑะโดยตรง
    แต่เป็นก้อนแข็งตามเส้นเลือดที่ติดกับลูกอัณฑะด้านหลัง อาการแบบนี้เป็นอะไรครับ

    1. อาจจะเป็นภาวะหลอดเลือดอัณฑะขอดได้ครับ
      เบื้องต้นสามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง
      -ใส่กางเกงในรัดๆ หรือใช้เครื่องพยุงอัณฑะ (scrotal support) เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
      -ประคบเย็นบริเวณถุงอัณฑะ
      -หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือออกกำลังกายหนักๆ
      แต่ถ้าปวดหนักจริงๆ และเป็นนาน ไม่หายซักที แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการรักษาจะดีที่สุดครับ

  6. คือผมหลังจากผ่าไฟแดงแฟน
    รอบนึงแบบใส่ถุง
    แล้ว รู้สึกไข่ เปลี่ยนรูปอะครับ
    แล้วมันหนักไปฝั่งซ้ายด้วย ฝั่งขวาปกติ
    แต่ฝั่งซ้ายรู้สึกไข่ผมมันดันลงข้างล่างอะครับ
    อาการแบบนี้มีสิทธิ์ออกอะไรได้มั้งครับ

    1. อาจเกิดการอักเสบของอัณฑะหรืออัณฑะบิด ก็ได้ครับ ถ้ามีอาการบวม แดง เจ็บ ปวด แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้องจะดีที่สุดครับ

    1. ถ้าอาเป็นก้อนที่ถุงอัณฑะแถมยังปวดอีก แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้องนะครับ
      ระหว่างนี้สามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ดังนี้ครับ
      -ประคบเย็นบริเวณอัณฑะ
      -พักผ่อนให้เพียงพอ
      -หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระทบกระเทือนอัณฑะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *