You Are What You Eat กินแบบไหนก็เป็นแบบนั้น
อาหารนั้นเป็นถือว่าเป็นยาจากธรรมชาติ ว่ากันว่าอาหารนั้นสามารถรักษาได้ทุกโรคเลย ไม่เว้นแม้แต่โรคทางเดินปัสสาวะ อยู่ที่เราจะเลือกกินให้ถูกวิธีดีต่อโรคหรือเปล่า วันนี้มาดูกันดีกว่าว่าถ้าเป็น โรคต่อมลูกหมากโตห้ามกินอะไร แล้วควรกินอะไรดี
ต่อมลูกหมากโต ห้ามกินอะไรบ้าง 9 อย่างนี้ เลี่ยงได้เลี่ยง อัพเดท 2023
สิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนว่าต่อมลูกหมากโต ห้ามกินอะไร คือต้องทราบว่าคำแนะนำด้านอาหารสำหรับผู้ที่มีภาวะต่อมลูกหมากโต (BPH) อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอาการเฉพาะและสุขภาพโดยรวมของแต่ละบุคคล ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว อาหารบางชนิดที่อาจทำให้อาการของต่อมลูกหมากโตรุนแรงขึ้นได้ บทความนี้เราจะพาไปดูทั้ง อาหารที่ควรทาน และไม่ควรทานสำหรับคนที่เป็นต่อมลูกหมากโตกัน
ในปัจจุบันต่อมลูกหมากโตนั้นมีสถิติที่สูงขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากประเทศไทยนั้นเริ่มก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงทำให้สัดส่วนของผู้ชายวัย 40+ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงของโรคต่อมลูกหมากโตชัดเจนขึ้นนั่นเอง ถึงแม้ว่าต่อมลูกหมากโตจะไม่ร้ายแรงจนถึงขั้นอันตรายต่อสุขภาพร่างกาย แต่ต่อมลูกหมากโต ทำให้ชีวิตประจำวัน ยุ่งยากขึ้น จากการต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ ไม่ว่าจะขณะทำงาน เดินทาง หรือแม้กระทั่งตอนนอน ถ้าอยากรู้เกี่ยวกับต่อมลูกหมากโตเพิ่มมากขึ้น สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ต่อมลูกหมากโต คืออะไร
ตอนนี้ไปดูกันกับ ต่อมลูกหมากโตห้ามกินอะไรบ้าง
อาหารที่ผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต ไม่ควรกิน
1.แอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการพัฒนาของต่อมลูกหมากโตและอาจทำให้อาการที่มีอยู่แย่ลงไปอีก ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of Urology นักวิจัยพบว่าผู้ชายที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าสองแก้วต่อวันมีความเสี่ยงสูงในการเกิดต่อมลูกหมากโตเมื่อเทียบกับคนที่ดื่มแอลกอฮอล์น้อย นอกจากนี้ แอลกอฮอล์อาจรบกวนประสิทธิภาพของยาที่ใช้รักษาต่อมลูกหมากโตอีกด้วย โดยทั่วไปแนะนำให้จำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือหลีกเลี่ยงไปเลยหากคุณเป็น แต่ข่าวดีสำหรับคนที่ชอบดื่มแอลกอฮอล์คือ การดื่มไม่เกิน 2 แก้วต่อวันนั้น ดีต่อสุขภาพ และค่อนข้างมีข้อดี สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ 9 ประโยชน์ของเบียร์
2.คาเฟอีน
คาเฟอีนเป็นสารกระตุ้นที่สามารถกระตุ้นกระเพาะปัสสาวะและเพิ่มความถี่ในการปัสสาวะ และนั่นอาจเป็นปัญหาสำหรับผู้ที่เป็นต่อมลูกหมากโตเนื่องจากปัสสาวะบ่อยขึ้นเป็นอาการทั่วไปของภาวะนี้ ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมการแพทย์อเมริกัน นักวิจัยพบว่าผู้ชายที่ดื่มกาแฟมากกว่าสามถ้วยต่อวันมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดต่อมลูกหมากโตเมื่อเทียบกับคนที่บริโภคคาเฟอีนน้อย แนะนำให้จำกัดการทานคาเฟอีนหรือหลีกเลี่ยงหากคุณเป็นต่อมลูกหมากโต
3.อาหารรสเผ็ด
อาหารรสเผ็ดอาจทำให้กระเพาะปัสสาวะระคายเคืองและทำให้อาการปัสสาวะแย่ลง ในคนที่เป็นต่อมลูกหมากโต ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน International Journal of Urology นักวิจัยพบว่คนที่เป็นต่อมลูกหมากโตที่กินอาหารรสเผ็ดจะปัสสาวะบ่อย มากกว่าผู้ที่ไม่กินอาหารรสเผ็ด แนะนำให้จำกัดหรือหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดหากคุณเป็นต่อมลูกหมากโต
4.อาหารที่เป็นกรด
อาหารที่เป็นกรด เช่น ผลไม้รสเปรี้ยว และน้ำส้มสายชู อาจทำให้กระเพาะปัสสาวะระคายเคืองและทำให้อาการปัสสาวะแย่ลงในคนที่เป็นต่อมลูกหมากโต ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Urology นักวิจัยพบว่าคนที่เป็นต่อมลูกหมากโตที่กินอาหารที่เป็นกรดจะปัสสาวะบ่อย มากกว่าผู้ที่ไม่กินอาหารที่เป็นกรด
5.อาหารไขมันสูง
การศึกษาบางชิ้นแนะนำว่าการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดต่อมลูกหมากโตและอาจทำให้อาการที่มีอยู่แย่ลงได้ ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of Nutrition นักวิจัยพบว่าผู้ชายที่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดต่อมลูกหมากโต เมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ
6.เนื้อแปรรูป
เนื้อแปรรูป เช่น เบคอน ไส้กรอก และเนื้อสำเร็จรูป อาจมีโซเดียมสูง ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดต่อมลูกหมากโต ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน American Journal of Epidemiology นักวิจัยพบว่าผู้ชายที่บริโภคโซเดียมในปริมาณสูงมีความเสี่ยงสูงในการเกิดต่อมลูกหมากโต เมื่อเทียบกับผู้ที่บริโภคโซเดียมในปริมาณต่ำ
7.เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหวาน
การศึกษาบางชิ้นแนะนำว่าการบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลในปริมาณมากอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดต่อมลูกหมากโต ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Urology นักวิจัยพบว่าผู้ชายที่บริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากกว่าหนึ่งแก้วต่อวันมีความเสี่ยงสูงในการเกิดต่อมลูกหมากโต เมื่อเทียบกับผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อยลง
8.เนื้อแดง
การศึกษาบางชิ้นแนะนำว่าอาหารที่มีเนื้อแดงสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดต่อมลูกหมากโต ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน American Journal of Clinical Nutrition นักวิจัยพบว่าผู้ชายที่บริโภคเนื้อแดงในปริมาณมากมีความเสี่ยงสูงในการเกิดต่อมลูกหมากโตเมื่อเทียบกับผู้ที่บริโภคเนื้อแดงในปริมาณต่ำ
9.ผลิตภัณฑ์นม
บางคนที่เป็นต่อมลูกหมากโตอาจไวต่อผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งอาจทำให้อาการทางปัสสาวะแย่ลง ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Urology นักวิจัยพบว่าคนที่เป็นต่อมลูกหมากโตที่บริโภคผลิตภัณฑ์จากนมจะมีการปัสสาวะบ่อยและปวดปัสสาวะแรงมากกว่าผู้ที่ไม่บริโภคผลิตภัณฑ์จากนม อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าผลิตภัณฑ์จากนมเป็นแหล่งแคลเซียมและสารอาหารอื่นๆ
เป็น ต่อมลูกหมากโต กินอะไรดี
ถั่งเช่า
ดูต่อมลูกหมากโต ห้ามกินอะไร ไปแล้วมาต่อด้วยที่ควรกินบ้าง เนื่องจากโรคต่อมลูกหมากโตนั้นถูกสันนิษฐานว่าเกิดจากการที่สมดุลฮอโมนส์ ซึ่งถั่งเช่านั้นขึ้นชื่อในเรื่องของการบำรุงสมรรถภาพเพศชาย การกินถั่งเช่าออแกรนิกจึงสามารถช่วยในการปรับสมดุลฮอโมนส์เพศได้ ทำให้ต่อมลูกหมากหยุดการขยายตัวลง อาการที่มีก็จะไม่หนักขึ้นนั่นเอง
อาหารตระกูลเบอร์รี่
ผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่นั้นจะเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งและชะลอการเสื่อมของอวัยวะ มีสรรพคุณช่วยในการลดการอักเสบของอาการต่อมลูกหมากโตเบียดบังท่อทางเดินปัสสาวะได้ และกำจัดเชื้อโรคเกาะติดอยู่บริเวณผนังท่อทางเดินปัสสาวะอันเป็นสาเหตุของการติดเชื้อต่างๆ เบอร์รี่ที่แนะนำคือ บลูเบอร์รี่
แซลมอน
เป็นปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า3สูง และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงต่ออาการต่อมลูกหมากโต และชะลอการเติบโตของเนื้องอกต่อมลูกหมากที่จะก่อให้เกิดมะเร็งในอนาคต
ถั่ว
เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยสังกะสี (zinc) และซีลีเนียม เป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการทำงานของต่อมลูกหมาก และยังช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเพศชาย ที่เป็นตัวก่อให้เกิดปัญหาต่อมลูกหมากโต
ต่อมลูกหมากอักเสบ หายเองได้ไหม ?
Prostatitis เป็นคำที่ใช้อธิบายการอักเสบของต่อมลูกหมาก ต่อมลูกหมากอักเสบมีหลายประเภท ได้แก่ ต่อมลูกหมากอักเสบเฉียบพลันจากแบคทีเรีย ต่อมลูกหมากอักเสบจากแบคทีเรียเรื้อรัง และต่อมลูกหมากอักเสบที่ไม่ใช่แบคทีเรีย การรักษาต่อมลูกหมากอักเสบจะขึ้นอยู่กับชนิดและสาเหตุของอาการต่อมลูกหมากอักเสบเฉียบพลันมักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและมักรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ด้วยการรักษาที่เหมาะสม ต่อมลูกหมากอักเสบเฉียบพลันสามารถรักษาได้
ต่อมลูกหมากอักเสบจากแบคทีเรีย
ต่อมลูกหมากอักเสบจากแบคทีเรียเรื้อรังมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียเช่นกัน แต่อาจรักษาได้ยากกว่าและอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะในระยะยาว ด้วยการรักษาที่เหมาะสม มักจะสามารถจัดการโรคต่อมลูกหมากอักเสบจากแบคทีเรียได้ แต่อาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
ต่อมลูกหมากอักเสบที่ไม่ใช่แบคทีเรีย
ต่อมลูกหมากอักเสบที่ไม่ใช่แบคทีเรีย หรือที่เรียกว่าต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรัง/ปวดกระดูกเชิงกรานเรื้อรัง (CP/CPPS) เป็นต่อมลูกหมากอักเสบที่พบได้บ่อยที่สุด แต่มักไม่ทราบสาเหตุ ต่อมลูกหมากอักเสบที่ไม่ใช่แบคทีเรียอาจรักษาได้ยากขึ้น และอาจต้องใช้ยาร่วมกับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเพื่อจัดการกับอาการ ต่อมลูกหมากอักเสบที่ไม่ใช่แบคทีเรียอาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถรักษาให้กลับมาใช้ชีวิตเกือบปกติได้
ต่อมลูกหมากโต อันตรายไหม
ต่อมลูกหมากโต อันตรายไหม คำตอบคือ ไม่อันตราย แต่การเป็นต่อมลูกหมากโตมักมาพร้อมกับโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อันตายกว่า นั่นเป็นเพราะว่า เมื่อต่อมลูกหมากมีการขยายจนไปเบียดระบบทางเดินปัสสาวะทั้งหมด จะเกิดผลข้างเคียง และโรคแทรกซ้อนที่ทำให้อาการแย่ลงกว่าเดิม ฉนั้น ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิต ถ้ารู้ว่าตัวเองเริ่มมีอาการ
ภาวะแทรกซ้อนต่อมลูกหมากโต
จากที่กล่าวไปก่อนหน้าว่า ต่อมลูกหมากโตไม่อันตราย แต่โรคแทรกซ้อนที่ตามมานั้นอันตรายกว่ามาก อาจถึงขั้นไตวายเลยก็ว่าได้
- ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection)
- นิ่วในกระเพราะปัสสาวะ (Bladder Stones)
- ภาวะปัสสาวะเป็นเลือด (Haematuria)
- ไตวาย ไตเสื่อม (Kidney Disease)
โรคต่อมลูกหมากโตในผู้สูงอายุ เท่านั้นเหรอ ?
ต่อมลูกหมากโต โดยส่วนใหญ่แล้วจะพบเจอในผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป และสาเหตุส่วนใหญ่นั้นยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่าเพราะอะไรกันแน่ แต่มีการสันนิษฐานว่าเป็นเพราะฮอร์โมนเพศชาย ที่มีการเปลี่ยนแปลงไป เมื่ออายุมากขึ้น เลยส่งผลให้ต่อมลูกหมากมีการโตขึ้นผิดปกติ
แต่ก็ยังมีการเจอต่อมลูกหมากโต ในเด็กอายุ 17 ปี! ข้อมูลจาก หอสมุดแพทย์ศาสตร์ แห่งชาติ ร็อควิลล์ ไพค์เบเทสดา จากสหรัฐอเมริกา ได้รายงานว่ามีการพบเด็กชายอายุ 17 ปี จากการตรวจอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กชายอายุ 17 ปีคนนี้กันแน่ อ่านเพิ่มเติม
การรักษาต่อมลูกหมากโต
ดูต่อมลูกหมากโต ห้ามกินอะไรไปแล้ว ควรรู้ด้วยว่าต่อมลูกหมากโตไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่มีโอกาสกลับมาเป็นปกติอีกครั้งหากมีการดูแลตัวเองดีๆ จากการสำรวจพบว่า ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัด 75 จาก 100 คน มีอาการลดลงจริง และสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้นอีกด้วย แต่ก็ยังไม่หายขาดอยู่ดี และยังมีผลข้างเคียงหลังจากการผ่าตัดตามมาอีกด้วย หรือจะเป็นการที่ไม่ควรนิยมกันเท่าไหร่ เพราะการกินยาเยอะๆไม่ดีต่อสุขภาพ อีกทางเลือกคือการเปลี่ยนพฤติกรรมการกินและการใช้ชีวิต เพื่อลดอาการต่อมลูกหมากโต
ผ่าตัดต่อมลูกหมาก อันตรายไหม ?
การผ่าตัดต่อมลูกหมากโตนั้น ทำให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีอาการอยู่นิดหน่อย โดยการผ่าตัดจะเป็นการส่องกล้อง และการผ่าตัดด้วยเลเซอร์ ซึ่งวิธีจะคล้ายๆกัน และอาจมีผลข้างเคียงที่ตามมา ซึ่งผู้ชายหลายคนคงรับไม่ได้แน่ๆกับผลข้างเคียงเหล่านี้
ผลข้างเคียง
- ถึงจุดสุดยอดแต่ไม่หลั่ง
- อาจทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัว
- กระเพราะปัสสาวะอักเสบ
- เกิดภาวะ ทียูอาร์ ซินโดรม (สารเคมีรั่วไหลระหว่างผ่าตัด)
ยาต่อมลูกหมากโต ผลข้างเคียง ไหม?
ยาที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นยาคลายกล้ามเนื้อ และยาปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศ ซึ่งยาเหล่านี้ อาจทำให้ความต้องการทางเพศลดลง และเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ และยาทั้งสองยังมีกลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกัน เวลากินยาเลยต้องกินทั้งสองตัว เพื่อประโยชน์สูงสุด โดยในประโยชน์ระยะยาว อาจช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆที่ตามมาได้ อย่างเช่น ถ่ายปัสสาวะไม่ออก หรือถ่ายเป็นเลือด เป็นต้น
ต่อมลูกหมากโต รักษาหายไหม ถ้าเป็นแล้วจะดูแลตัวเองยังไง
เมื่อผู้ชายอายุก้าวเข้าสู่ เลข 4 ก็จะมีความเสี่ยงกว่า 30% และพุ่งสูงถึง 50% หากคุณผู้ชายอายุถึง 50 ปี อีกทั้งยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตามอายุที่มากขึ้น ที่จะเกิดโรคกับทางเดินปัสสาวะ เช่น การควบคุมปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะลอด เป็นเลือด บ่อย แถมไม่ค่อยออกอีกด้วย กลุ่มอาการเหล่านี้มักจะเข้าข่าย “โรคต่อมลูกหมากโต” หรือ “ต่อมลูกหมากอักเสบ” ในเมื่อเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วนั้น การรู้ วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นต่อมลูกหมากโต อย่างถูกต้องจะเป็นผลดีกับตัวเอง
วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นต่อมลูกหมากโต
- ไม่ควรกลั้นปัสสาวะ เพราะการกลั้นปัสสาวะจะทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะเกิดความเสียหาย ทำให้มีอาการอักเสบมากขึ้น
- ก่อนนอนไม่ควรดื่มมากมาก และควรเข้าห้องก่อนนอนทุกครั้ง อาการปวดตอนกลางคืนจะได้น้อยลง
- ฝึกเข้าห้องน้ำให้เป็นเวลา ทุกๆ 4 – 6 ชั่วโมง จะทำให้สามารถควบคุมการปัสสาวะได้ระดับนึง เหมาะสำหรับผู้ที่ปัสสาวะบ่อย และกลั้นไม่ได้
- ควรออกกำลังกายด้วยการเดิน 30 – 60 นาที จะช่วยให้อาการดีขึ้น แต่ไม่ควรขี่จักรยานเพราะจะทำให้เกิดการกระเทือนของต่อมลูกหมากโดยตรง อาจทำให้อักเสบเพิ่มได่้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ปราศจากไขมัน เพื่อหลีกเลี่ยงโรคอ้วนที่มีส่วนทำให้เกิดโรคต่อมลูกหมากโต
การทานอาหารที่มี สีแดง สามารถลดอาการของต่อมลูกหมากโตได้
จากหลายงานวิจัยศึกษาพบว่า ไลโครพีน (Lycopene) ในผักและผลไม้ที่มีสีแดงสามารถลดระดับ PSA (ค่าบ่งชี้ความผิดปกติของต่อมลูกหมาก) และป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้ กลไกการทำงานคือ ไลโครพีน จะไปลดการผลิตฮอร์โมนเพศที่ทำหน้าที่กระตุ้นการโตของต่อมลูกหมาก (Alpha dihytestosterone)
อาหารสีแดงนั้นมีสารไลโครพีนผสมอยู่แต่จำนวนจะมากน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดและประเภท ซึ่งอาหารที่เราแนะนำก็คือ มะเขือเทศ เพราะงานวิจัยได้พบว่าอาหารตระกูลมะเขือเทศมีปริมาณไลโครพีนอยู่มาก รองลงมาคือแตงโม
มะเขือจะมีปริมาณไลโครพีนต่างกันตามรูปแบบการบริโภคตามตารางนี้
หลายๆคนอาจคิดว่า มะเขือเทศสดสิที่ดีที่สุด แต่จริงๆแล้วมะเขือเทศปรุงสุก มะเขือเทศอบแห้ง และซอสมะเขือเทศนั้นให้สารไลโครพีนที่มากกว่า อีกทั้งยังเป็นอาหารที่สามารถทานได้บ่อยเพราะน้ำตาลน้อยแถมยังได้สารต้านอนุมูลอิสระช่วยขะลอการเสื่อมของร่างกายอีกด้วย
งานวิจัยยังพบว่าการทานไลโครพีน 15 mg ติดต่อกันเป็นเวลา 6 เดือน สามารถป้องกันโรคต่อมลูกหมากโตได้จริง ระดับ PSA มีปริมาณลดลงถึง 11% มากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับไลโครพีนและได้รับไลโครพีนน้อยกว่า โดยมะเขือเทศสามารถทานได้บ่อย ยิ่งกินก็ยิ่งดีต่อร่างกาย แต่ข้อควรระวังคือให้ระวังปริมาณ โซเดียม เพราะอาจเกิดอาการไตบวม ไตวายได้
โรคต่อมลูกหมากโตอาจจะดูเป็นโรคชราสามัญที่ชายหนุ่มสูงวัยเกินครึ่งต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังมีวิธีเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันได้อย่างมีความสุขในชีวิตสุงวัยของเรา..
ข้อแนะนำในการดูแลสุขภาพเพิ่มเติม
ต่อมลูกหมากโต ห้ามกินอะไรและควรกินอะไร ควรเติมเต็มทุกมื้อด้วยผลไม้และผักต่างๆ หรือเลือกเป็นธัญพืชและถั่วร่วมด้วยก็จะดีไม่น้อย หมั่นออกกำลังกายเพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะทำให้หนุ่มใหญ่วัยเก๋าร่างกายแข็งแรงขึ้นแล้วยังช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญอย่าลืมพักผ่อนให้เพียงเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ สุขภาพดีทั้งภายนอกและภายใน อย่าให้โรคร้ายมาทำลายชีวิตดีของคุณ
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลตัวเอง สามารถโทรหาสายด่วนสุขภาพของเราได้ที่เบอร์
02-123-3866 ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
คุมความเสื่อม เพิ่มความสุข
สเปิร์ก ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากมะเขือเทศเข้มข้นผสมถั่งเช่าแท้
สรุป
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- www.healthline.com
- alcohol and Prostatitis – Google Scholar
- caffeine and Prostatitis – Google Scholar
- spicy food and Prostatitis – Google Scholar
- acidic food and Prostatitis – Google Scholar
- high fat diet and Prostatitis – Google Scholar
- processed meat and Prostatitis – Google Scholar
- sugar-sweetened beverages and Prostatitis – Google Scholar
- red meat and Prostatitis – Google Scholar
- dairy products and Prostatitis – Google Scholar
One Response
เห็นเพื่อนบ้านเป็น ไม่อยากเป็นแบบเขา เลยศึกษาหาวิธีดูแลตัวเองครับ ขอบคุณในข้อมูลครับ