วิตามินบี กลุ่มของอาหาร 8 ชนิด ที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า และเป็นวิตามินที่สามารถละลายน้ำได้ ไม่สามารถเก็บไว้ในร่างกายได้นานๆ จึงจำเป็นต้องได้รับวิตามินบีในทุกๆวัน เพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดการขาดวิตามินบี จนทำให้รู้เหนื่อยล้า มึนงง หรือเกิดความสับสนขึ้นระหว่างวัน แต่ การได้รับวิตามินบีมากเกินไปก็ค่อยดีต่อร่างกายมากนัก
กินวิตามินบีทุกวัน อันตรายไหม ?
เนื่องจากวิตามินบีละลายน้ำได้ง่าย การกินวิตามินบีทุกวัน อันตรายไหมนั้น จึงค่อนข้างที่จะมั่นใจได้ว่าปลอดภัยในระดับนึง เพราะว่าในปี 2012 สมาคมศูนย์ควบคุมพิษแห่งสหรัฐอเมริกา รายงานว่า มีผู้ที่กินวิตามินบีเยอะเกินไป 59,028 ราย แต่มีเพียงแค่รายเดียว ที่เสียชีวิต
กินวิตามินบีเยอะ ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง
กินวิตามินบีทุกวัน อันตรายไหม โดยปกติแล้ว การกินวิตามินทั่วๆไป ดีต่อร่างกาย แต่ถ้ากินมากเกินไป อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีที่ร่างกายคุณจะได้รับ วิตามินบีก็เป็น 1 ในนั้นด้วย โดยรวมแล้วการกินวิตามินบีเยอะเกินไป ไม่เป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต แต่อาจนำไปสู่ผลข้างเคียง ต่อไปนี้ได้
- ปวดหัว
- ท้องร่วง
- คลื่นไส้อาเจียน
- เหนื่อยล้า
- ไม่มีแรง
- รู้สึกเสียวซ่าบริเวณมือและเท้า
- ระดับน้ําตาลในเลือดสูง
- อาจเกิดความเสียหายที่ตับ
- อาจเกิดความเสียหายที่เส้ประสาท
- มีความไวต่อแสง
- ปัสสาวะเหลือง
แต่ปกติแล้ววิตามินบีละลายน้ำได้ ถ้าได้รับแค่ในอาหาร โอกาสจะเกิดผลข้างเคียงนั้นค่อนข้างน้อยมากๆ แต่ถ้ากินวิตามินบีในรูปแบบอาหารเสริม ควรกินในปริมาณที่พอดี หรือ ปรึกษาเภสัช ก่อนที่จะเลือกกินวิตามินบี
ปริมาณวิตามินบี ที่แนะนำต่อวัน
ปริมาณวิตามินบีต่อวันที่แนะนำนั้น ในแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน ทั้งเพศสภาพ ร่างกาย อายุ และปัจจัยอื่นๆ อย่างเช่น ตั้งครรภ์ ฉนั้นควรปรึกษาเภสัช ก่อนเลือกใช้จะดีที่สุด หรือ เปรียบเทียบปริมาณของวิตามินบีรวมจากฉลากข้างกล่องวิตามิน เทียบกับตารางเหล่านี้ ถ้ากินวิตามินที่ปริมาณเกินตารางนี้ เป็นเวลานานๆ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
วิตามินบี
|
ผู้หญิง
|
ผู้ชาย
|
---|---|---|
B1 (ไทอามีน) |
1.1 มก. |
1.2 มก. |
B2 (ไรโบฟลาวิน) |
1.1 มก. |
1.3 มก. |
B3 (ไนอาซิน) |
14 มก. |
16 มก. |
B5 (กรดแพนโทธีนิก) |
5 มก. |
5 มก. |
B6 (ไพริดอกซิ) |
1.3 มก. |
1.3 มก. |
B7 (ไบโอติน) |
30 มคก. |
30 มคก. |
B9 (โฟเลต) |
400 มคก. |
400 มคก. |
B12 (โคบาลามิน) |
2.4 มคก. |
2.4 มคก. |
วิตามินบี ห้ามกินกับอะไร
เนื่องจากการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันนั้นมีแต่ความเร่งรีบ ทำให้หลายๆคนร่างกายขาดสารอาหารไป เลยเลือกที่จะกินวิตามินในอาหารเสริม เพื่อบำรุงร่างกายไม่ให้ขาดวิตามิน แต่รู้หรือไม่ว่าการกินวิตามินหลายๆอย่างพร้อมๆกัน อาจไม่ดีเท่าไหร่นัก เพราะบางวิตามินก็ลดประสิทธิภาพของอีกวิตามิน หรือ บางที บางทีอาจทำให้แผลเลือดออกมากยิ่งขึ้น มาดูกันว่า วิตามบีไม่ควรกินกับวิตามินอะไรบ้าง
ไม่ควรกินคู่กับ วิตามินซี
มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า การกินวิตามินบี 12 ร่วมกับ วิตามินซี อาจมีส่วนทำให้ ปริมาณวิตามินบี 12 ที่ร่างกายคุณจะได้รับ น้อยลง ผู้เชี่ยวชาญเลยแนะนำให้กินห่างกันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
ไม่ควรกินวิตามินบี 12 ร่วมกับ กรดโฟลิก (วิตามิน B9) ด้วยตัวเอง
เนื่องจากการมีกรดโฟลิกหรือโฟเลต เยอะเกินไป อาจเกิดการซ่อนอาการขาดวิตามินบี 12 ได้ การจะทานวิตามิน 2 ชนิดนี้ร่วมกัน ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชก่อน
ขาดวิตามินบี จะเกิดอะไรขึ้น
เนื่องจากวิตามินบีนั้นอยู่ในอาหารที่เรากินอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยเกิดการขาดวิตามินบีเท่าไหร่นัก แต่อย่างไรก็ตาม การขาดวิตามินบี อาจเกิดขึ้นได้จากการกินยาบางชนิดมาเป็นระยะเวลานึงแล้ว สังเหตุตัวเอง ถ้าเกิดอาการเหล่านี้ ควรหาอาหารที่มีวิตามิบีมากิน หรือกินอาหารเสริมวิตามินบี ถ้าไม่ดีขึ้น ให้รีบพบแพทย์ทันที
- คลื่นไส้
- ปวดท้อง
- ท้องร่วง
- ท้องผูก
- ความสับสน
- ผื่นที่ผิวหนัง
- รอยแตกรอบปาก
- ผิวเป็นสะเก็ดบนริมฝีปาก
- ลิ้นบวม
- ความเหนื่อย
- ความอ่อนแอ
กินวิตามินบี แล้ว ฉี่เหลือง อันตรายไหม
การมีปัสสาวะมีสีเหลืองสดใส เกิดจากการที่ร่างกายมีวิตามินส่วนเกินมากเกินไป แต่อย่าห่วงไป ปัสสาวะเหลืองจากวิตามินเยอะเกินไป ไม่ได้หมายถึงอันตรายแต่อย่างใด ยิ่งสีเหลืองเข้มขึ้น ยิ่งหมายความว่า มีวิตามินบีส่วนเกินในร่างกาย และร่างกายอาจขาดน้ำ เพียงเท่านั้น แต่ให้ระวังถ้าปัสาวะเป็นสีแดง หรือ น้ำตาลเข้ม หรือ มีฟอง
เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่รุนแรงที่ตามมาได้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ในทันที หรือถ้าเกิดการ ปัสสาวะไม่ค่อยออก ติดขัด ปัสสาวะไม่สุด และคุณยังเป็นผู้ชายที่อายุ 40 ขึ้นไปอีก นั่นอาจหมายความคุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นต่อมลูกหมากโต ได้ เพราะต่อมลูกหมากโต ผู้ชายแทบทุกคนอาจเป็น เมื่ออายุมากยิ่งขึ้น
กินวิตามินบี อ้วนไหม
การกินวิตามินบีเยอะเกินไปอาจนำไปสู่โรคอ้วนที่ตามมาได้ เนื่องจากการกินวิตามินบี อาจนำไปสู่การเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตที่มากขึ้นในการจัดเก็บไขมัน ส่งผลให้ น้ำหนักตัวเพิ่มมากยิ่งขึ้น เนื่องมาจากการกินอาหารที่มีแคลอรี่ ร่วมกับวิตามิบี ทำให้เอื้อต่อการเกิดโรคอ้วนขึ้นได้
วิตามินบี มีกี่ชนิด
วิตามินบี มีทั้งหมด 8 ชนิด ไม่รวม วิตามิน บี4 บี 8 บี 10 และ บี 11 เนื่องจาก วิตามิน 4 ชนิดนี้คุณสมบัติไม่ตรงกับคำจำกัดความของวิตามินบี จึงถูกนำออกไป เหลือไว้แค่วิตามินเหล่านี้
- วิตามินบี 1 (ไทอามีน (Thiamine) )
- วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน (Riboflavin) )
- วิตามินบี 3 (ไนอาซิน (Niacin) )
- วิตามินบี 5 (กรดแพนโทธีนิก (Pantothenic Acid) )
- วิตามินบี 6 (ไพริดอกซีน (Pyridoxine) )
- วิตามินบี 7 (ไบโอติน (Biotin) )
- วิตามินบี 9 (โฟเลตและกรดโฟลิก (Folate and Folic Acid) )
- วิตามินบี 12 (โคบาลามีน (Cobalamin) )
กินวิตามินกี่เดือนเห็นผล
เมื่อรู้ว่ากินวิตามินบีทุกวัน อันตรายไหมแล้ว มาดูต่อว่าใช้เวลาเห็นผลนานแค่ไหนกัน การกินวิตามินเพื่อบำรุง หรือรักษาร่างกายนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งอาหารเสริมที่คุณใช้ ปัญหาสุขภาพที่กำลังต้องการรักษา รวมไปถึงความรุนแรงของการขาดวิตามินนั้นๆ อีกด้วย โดยทั่วไปแล้ว ถ้าขาดวิตามินหรือสารอาหารอย่างรุนแรงมากเท่าไหร่ การกินอาหารเสริมหรือวิตามิน ก็จะยิ่งเห็นผลเร็วเท่านั้น แต่ถึงจะบอกว่าเห็นผลเร็วส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน
เพื่อที่จะดูผลของการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน ที่สำคัญคือ ต้องตระนักไว้เสมอว่า วิตามิน หรือ อาหารเสริม ไม่ใช่ยาวิเศษ ที่กินแล้วจะดีขึ้น หรือ หายในทันที ต้องใช้เวลาในการสร้างระดับวิตามินหรือสารอาหารที่ขาดหายไป ดังนั้น การกินวิตามินหรืออาหารเสริม ให้เพียงพอที่ร่างกายต้องการอยู่ทุกวัน จึงมีความสำคัญมาก ควรกินวิตามิน หรือ อาหารเสริม เป็นประจำ เพื่อบำรุงร่ายกายที่ต้องทำงานหนักในทุกๆวัน แต่ ให้ระวังเรื่องอาหารเสริมที่มีสมุนไพรต่างๆ เพราะการกินสมุนไพรติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจไม่ดีต่อร่างกายได้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเลือกใช้เป็นระยะเวลานานจะดีที่สุด
บำรุงสมอง
เนื่องจากวิตามินบีรวมมีส่วนทำให้สมองของคุณทำงานได้อย่างถูกต้อง การกินวิตามินให้เพียงพอที่ร่างกายต้องการ จึงทำให้สมองแข็งแรง ระบบประสาทดีขึ้น และยังมีข้อมูลที่บ่งบอกว่า วิตามินบี 6 มีบทบาทในการป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบประสาทได้ หรือ พาร์กินสัน
ป้องกันมะเร็ง
บางงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า การมีวิตามินบีในร่างกายที่เพียงพอต่อความต้องการ อาจมีส่วนช่วยป้องกันบางชนิดได้ เนื่องจากวิตามินบีในร่างกายอาจไปช่วยต่อต้านการเจริญเติบโตของมะเร็งได้ นอกจากนี้ วิตามินบี ยังมีความสัมพันธ์ต่อการลดความเสี่ยงของมะเร็งผิวหนังอีกด้วย
ลดความเครียด
มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า วิตามินบี อาจมีส่วนช่วยลดการตอบสนองต่อความเครียดได้
ลดความเหนื่อยล้าเรื้อรัง
วิตามินบีรวม อาจมีส่วนช่วยลอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง
อาจส่งเสริมฮอร์โมนเพศชาย
บางทีวิตามินที่อยู่ในอาหารเสริม อาจมีส่วนช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้ แต่ก็ยังขาดหลักฐานอยู่ แต่เนื่องจากวิตามินบีมีประโยชน์ต่อการควบคุมฮอร์โมน เลยเป็นไปได้ว่า อาจมีส่วนช่วยควบคุมฮอร์โมนเพศชายและฮอร์โมนเพศหญิงได้
อาหารที่มี วิตามินบี มีอะไรบ้าง
- นม
- ไข่
- ตับ
- ไต
- เนื้อไก่
- เนื้อแดง (ไม่แนะนำสำหรับผู้ชาย เพราะเนื้อแดงเป็น 1 ใน สาเหตุของต่อมลูกหมากโต)
- ปลา
- หอย
- ผักสีเขียวเข้ม
- ธัญพืช
- ถั่วเมล็ดพืช
- ผลไม้
- นมถั่วเหลือง
- จมูกข้าวสาลี
สรุป
โดยรวมแล้วกินวิตามินบีทุกวัน อันตรายไหมนั้น สเปิร์กขอบอกว่า ไม่อันตราย และถึงแม้ว่ากินเกินปริมาณที่ร่างกายต้องการจนเกิดผลข้างเคียง ก็ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต เพียงแต่อาจทำให้เกิดอาการไม่พึ่งปรสงค์ต่อร่างกายได้ และอีกอย่างคือ วิตามีบี ถ้าได้รับในปริมาณที่เยอะเกินไป อาจทำให้อ้วนได้ การขาดวิตามินบี ไม่ดีต่อร่างกาย และ การได้รับวิตามินบีเยอะเกินไป ก็ไม่ดีต่อร่างกาย ควรเลือกกินอาหารเสริมวิตามินบีรวม ที่ปริมาณวิตามินบีชนิดต่างๆ ไม่เกินตามตารางข้างบน และไม่ควรเลือกวิตามินบีรวม ที่มีวิตามินบี 9 และ บี 12 เพราะ อาจทำให้เกิดการขาดวิตามิน 12 ได้ ด้วยความปราถนาดีจาก สเปิร์ก อาหารเสริมบำรุงต่อมลูกหมากโต โรคที่ผู้ชายอายุ 40 ปีขึ้นไป อาจจะเป็นได้